ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ๒๗๓/๒๕๕๕
ศธ.เร่งพัฒนาศีลธรรม คุณธรรมผู้บริหารและครูทั่วประเทศ
ศึกษาธิการ - เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๕ ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ ดร. อรทัย มูลคำ ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน แถลงข่าวการขับเคลื่อนนโยบายหลักด้านการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ในการพัฒนาศีลธรรม คุณธรรมแก่ผู้บริหารและครูในสังกัด ซึ่งในปีนี้ได้พัฒนาในโรงเรียนดี ศรีตำบล ไปแล้วกว่า ๘ หมื่นราย ส่วนใหญ่เปลี่ยนแปลงตนเองโดยลด ละ เลิกเหล้า บุหรี่และอบายมุขได้
รมว.ศธ. กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการต้องการพัฒนาครู ผู้บริหาร และบุคลากรในสังกัดให้มีศีลธรรมและคุณธรรม สามารถประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี รวมทั้งเพื่อสร้างเครือข่ายบ้าน วัด/มัสยิด และโรงเรียนให้เข้มแข็ง ร่วมกันพัฒนาทุกหย่อมบ้านให้ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ("บวร" และ "บรม") ตลอดจนเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง ให้เกิดขึ้นในตัวเด็กและเยาวชนไทย ให้มีนิสัยดี มีวินัย มีความเคารพ มีความอดทนและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รักบุญกลัวบาป พร้อมรับการเปิดประเทศเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
จึงได้มอบให้องค์กรหลักดำเนินการอบรมพัฒนาศีลธรรมและคุณธรรม ภายใต้ ๑ ใน ๓๑ นโยบายหลักของกระทรวงศึกษาธิการ คือ ปฏิบัติธรรม นำการศึกษา โดยในปีงบประมาณ ๒๕๕๕-๒๕๕๖ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้พัฒนาศีลธรรมและคุณธรรมให้กับบุคลากรในโรงเรียนดี ศรีตำบล จำนวน ๖,๕๔๕ โรงเรียน ร่วมกับพระสังฆาธิการ มหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปรียญธรรมสมาคม กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และมูลนิธิต่างๆ โดยในอนาคตจะดำเนินการในโรงเรียนในฝัน (๑ อำเภอ ๑ โรงเรียนในฝัน โรงเรียนดีใกล้บ้าน โรงเรียนดีประจำอำเภอ) จำนวน ๒,๕๐๐ โรงเรียน โรงเรียนมาตรฐานสากล ๕๐๐ โรงเรียน รวมทั้งขยายต่อไปยังโรงเรียนขนาดกลางในเมือง โรงเรียนขนาดเล็กในชุมชน โรงเรียนขนาดเล็กมากในหมู่บ้าน อีกกว่า ๒๒,๐๐๐ โรงเรียน และจะดำเนินการใน กศน. และสถานศึกษาอาชีวศึกษา ๔๑๕ แห่งต่อไปด้วย
สำหรับกลยุทธ์ในการขับเคลื่อน ศธ.ได้ปรับนโยบายเดิม ๗-๗-๗ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศในยุคปัจจุบัน และได้เพิ่มเติม “การบริหารจัดการโรงเรียนทั้งระบบ” จาก สพฐ. “การฝึกนิสัยผ่านห้าห้องชีวิต” จากพระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตฺตชีโว) เครือข่ายการมีส่วนร่วม “บวร” จากเสอเพลอโมเดล อุดรธานี และ “การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” จากโครงการรุ่งอรุณ เป็นนโยบายใหม่ ๗-๗-๗-๗ ดังนี้
● ปัจจัย (INPUT) ๗ ประการ ได้แก่ ๑) มีแผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน เชื่อมั่นว่าทำได้จริง ๒) มีเป้าหมายพัฒนานักเรียนที่ทุกคนเข้าใจถูกต้องตรงกัน ๓) มีความสะอาดทุกแห่งที่เกิดจากจิตสำนึกของนักเรียน ๔) มีบริเวณโดยรอบร่มรื่น สวยงามด้วยร่มเงาธรรมชาติ ๕) มีบรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้าน สีสันสดใส ๖) มีความปลอดภัย ปลอดสารเสพติด และ ๗) เปิดโอกาสให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้นำศาสนา มีส่วนร่วมนิเทศและพัฒนา
● กระบวนการ (PROCESS) ๗ ประการ ได้แก่ ๑) จัดบรรยากาศห้องสมุดเหมือนบ้าน มีหนังสือ/สื่อใหม่เพียงพอเหมาะสมกับเด็ก ๒) ปรับปรุงห้องปฏิบัติการต่าง ๆ ใช้สื่อและจัดการเรียนรู้ทุกห้องอย่างคุ้มค่า ๓) ใช้ศูนย์การเรียนรู้งานอาชีพอย่างครบวงจร นักเรียนมีรายได้ระหว่างเรียน ๔) ให้บริการศูนย์กีฬา/สนามกีฬาอย่างครบวงจร มีกิจกรรมและการดูแลรักษา ๕) มีห้องสุขานักเรียนที่สะอาด เพียงพอ ปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ ๖) ครูใช้แหล่งเรียนรู้ ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ใช้สื่อเทคโนโลยีทันสมัยในการสอน และ ๗) ผู้บริหารเป็นที่ยอมรับในการเป็นนักพัฒนาและผู้นำการเปลี่ยนแปลง
● กระบวนการฝึกนิสัย ๗ ประการ ได้แก่ ๑) ฝึกความมีวินัย (สะอาด ระเบียบ ตรงต่อเวลา สุภาพนุ่มนวล) ๒) ฝึกความเคารพ (บุคคล วัตถุ เหตุการณ์) ๓)ฝึกความอดทน (ทนลำบาก ทนเจ็บไข้ ทนเจ็บใจ ทนเย้ายวน) ๔) ฝึกนิสัยผ่านกิจกรรม ๖ มิติ จากการมีส่วนร่วมของ “บวร” (วิชาการ ศีลธรรม สังคม ดำรงชีวิต อาชีพ นันทนาการ) ๕) ปลูกฝังจิตสำนึกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (บวร) ๖) สร้างแรงจูงใจให้นักเรียนทำความดีทุกวัน (กาย วาจา ใจ) และ ๗) ผู้บริหารและครูปฏิบัติตนเป็นต้นแบบที่ดี (กาย วาจา ใจ)
● ผลลัพธ์ (OUTPUT) ๗ ประการ ได้แก่ ๑) จำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น (ชื่อเสียงดี) ๒) ผลสัมฤทธิ์สูงกว่าเดิม/>ค่าเฉลี่ย สพฐ. (ใฝ่เรียน) ๓) อ่านเขียนคิดเลขคล่อง ป.๒/+ภาษาอาเซียน ม.๓ (ใฝ่รู้) ๔) มีวินัย มีความเคารพ มีความอดทน (ใฝ่ดี) ๕) มีจิตอาสาและมีจิตสำนึกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (รับผิดชอบส่วนรวม) ๖) มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตดี (สุขภาพดี) และ ๗) ใช้เทคโนโลยีได้ ๑ ใช้ภาษาอาเซียนได้ ๑ มีงานอาชีพ ๑ (ทันโลก)
รมว.ศธ.กล่าวด้วยว่า หลังจากได้ดำเนินการอบรมครูโรงเรียนดี ศรีตำบล จำนวน ๗๘,๓๘๐ คน ในปีงบประมาณ ๒๕๕๕ จำนวน ๓,๙๒๖ โรงเรียน เป็นเวลา ๔ เดือน พบว่ามีผลลัพธ์ใน ๒ ส่วน ดังนี้
- ผลลัพธ์เชิงปริมาณ มีผู้ผ่านการสัมมนาเชิงปฏิบัติธรรม ๗๘,๓๘๐ คน ประกอบด้วยผู้บริหารโรงเรียน ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพระสงฆ์หรือผู้นำศาสนาใกล้โรงเรียน ๑๐,๓๘๒ คน ครูผู้สอนทั้งโรงเรียนทุกโรง ๖๖,๓๙๘ คน และวิทยากรทั้งพระสงฆ์และฆราวาส ๑,๖๐๐ คน ตลอดจนคณะพระสังฆาธิการและผู้นำศาสนาได้ลงไปนิเทศโรงเรียนในพื้นที่แล้ว ๑,๓๓๒ โรงเรียน ซึ่งใช้งบประมาณไปเพียง ๒,๕๐๐ บาทต่อหัว ในระยะเวลา ๕ วัน ๕ คืน ในสถานปฏิบัติธรรมทุกจังหวัดทั่วประเทศ ทั้งโรงเรียนที่มีเด็กนับถือศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลามโดยไม่ขัดหลักการกัน
- ผลลัพธ์เชิงคุณภาพ ผู้เข้าสัมมนาร้อยละ ๙๓ เปลี่ยนแปลงตนเองโดยลด ละ เลิกเหล้า บุหรี่และอบายมุข พึงพอใจกับการถือศีล ๘ นั่งสมาธิ ฟังธรรม ร้อยละ ๙๑.๕ พร้อมนำกิจกรรมปลูกฝังนิสัยดีให้เด็กมีวินัย มีความเคารพ มีความอดทนและมีจิตสำนึกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยทำตนเป็นต้นแบบ เช่น โครงการห้าห้องชีวิตเนรมิตนิสัย โดยพระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตฺตชีโว) ซึ่งมีหลักการปลูกฝังนิสัยในสถานที่เกิดนิสัย ๕ ห้อง ได้แก่
๑) ห้องนอน “ห้องมหาศิริมงคล” เพื่อพัฒนานิสัยรักบุญ กลัวบาป
๒) ห้องน้ำ “ห้องมหาพิจารณา” เพื่อพัฒนานิสัยพิจารณาสังขาร
๓) ห้องอาหาร “ห้องมหาประมาณ” เพื่อพัฒนานิสัยประมาณในการพูดและการใช้ทรัพย์
๔) ห้องแต่งตัว “ห้องมหาสติ” เพื่อพัฒนานิสัยตัดใจและใฝ่บุญ
๕) ห้องทำงาน “ห้องมหาสมบัติ” เพื่อพัฒนานิสัยใฝ่ความสำเร็จ
นอกจากนี้ ผู้เข้าสัมมนาร้อยละ ๙๐ จะกลับไปพัฒนาโรงเรียนตามนโยบาย ๗-๗-๗-๗ โดยสร้างเครือข่าย “บวร”และ “บรม” ทุกตำบลให้ปลอดยาเสพติดและอบายมุขด้วย
ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า ในความเป็นจริงหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่ได้ละทิ้งการเรียนเรื่องศีลธรรม คุณธรรม ยังมีวิชาเหล่านี้อยู่ในกลุ่มสังคมศึกษา แต่มีความเข้มข้นน้อย ทำให้ประชาชนและผู้ปกครองคิดว่าหายไป ซึ่ง ศธ.ในยุคปัจจุบัน จะดำเนินการให้เกิดความเข้มข้น เพื่อช่วยหล่อหลอมคุณธรรมและศีลธรรมให้กับนักเรียน นอกเหนือจากการเรียน ๑ คาบต่อสัปดาห์ เพราะศีลธรรมเป็นเรื่องที่จะต้องผ่านกระบวนการและวิถีชีวิต จะต้องให้โรงเรียนทั้งโรงเรียนสร้างสิ่งแวดล้อม กฎ กติกา เพื่อทำให้เด็กได้ซึมซับเรื่องของศีลธรรมตั้งแต่เช้าจรดเย็น ฉะนั้นโครงการโรงเรียนดี ศรีตำบล จึงเป็นกลยุทธ์ในการดำเนินการสร้างสิ่งแวดล้อมดังกล่าว และครูเองก็จะได้รับการพัฒนาคุณธรรม ศีลธรรม จากกระบวนการนี้
เดิมแต่ละโรงเรียนจะมีครูรับผิดชอบวิชาศีลธรรมเพียงคนเดียว แต่โครงการนี้ได้อบรมครูทุกคนในโรงเรียนดี ศรีตำบล และจากผลสัมฤทธิ์ของการฝึกอบรมเชิงบวกในระยะเวลา ๔ เดือน นับว่าประสบความสำเร็จจากความร่วมมือการพัฒนาคุณธรรมและศีลธรรมบุคลากรได้เกือบ ๘๐,๐๐๐ คน อย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ส่งผลต่อคุณภาพการศึกษาและสังคมไทยอย่างยิ่ง เพราะช่วยพัฒนาคุณภาพด้านจิตใจให้กับนักเรียนซึ่งมีความสำคัญยิ่งกว่าด้านวิชาการ
นอกจากนี้ ศธ.ต้องการเริ่มต้นโครงการในโรงเรียนดี ศรีตำบล เนื่องจากเป็นจุดที่สามารถควบคุมสภาวะของการปฏิบัติได้จริง และเมื่อมีความมั่นคงในเรื่องของกิจกรรมต่างๆ ก็จะพัฒนาให้แล้วเสร็จอีก ๒,๖๑๙ โรงเรียน ในปีงบประมาณ ๒๕๕๖ จำนวน ๔๙,๑๗๖ คน รวมทั้งขยายไปยังโรงเรียนในฝัน โรงเรียนมาตรฐานสากล และโรงเรียนระดับพื้นที่ หมู่บ้าน ตำบล ต่อไปจนครบทั้งประเทศ ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้การปฏิรูปการศึกษาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้รับการพัฒนาและเป็นไปตามเป้าหมายต่อไป
|